มีเหล่าเซเลปคนดังหลายคนพูดถึงกันปากต่อปาก อยากให้เมืองไทยมีสวัสดิการแบบนั้นบ้างจัง
กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อนักวิชาการหยิบมาใช้เสวนาว่าด้วยเรื่องรัฐสวัสดิการเมื่อเร็วๆนี้
แต่ผมไม่มีประเด็นมาอภิปรายเรื่องนี้หรอก ความสามารถไม่ถึง ☺
โดยส่วนตัวผมมองว่าสารคดีของอีตามัวร์เนี่ย นำเสนอด้านเดียวไปหน่อย ใครดูหนังจบแล้วอาจจะเกิดอารมณ์ฮึกเหิมตาวาวไฟลุก
"ประเทศกูต้องมีอะไรแบบนี้บ้างโว้ย !!!!"
ประมาณเดียวกับอ่านหนังสือของคาร์ล มากซ์จบหนึ่งเล่ม แล้วอยากเป็นนักปฎิวัติ อยากเปลี่ยนแปลงสังคมต้องคิดหน้าคิดหลัง คิดบนล่างซ้ายขวา คิดให้หมดทุกมุม เพราะในความเป็นจริง มันไม่มีอะไรดีงามสมบูรณ์แบบหรอก
สวัสดิการชั้นเลิศจะเกิดได้ย่อมต้องผ่านเงื่อนไขกระบวนการแลกเปลี่ยนอย่างแสนสาหัสมาก่อน
และเมื่อได้มาแล้ว จำเป็นต้องจัดการผลกระทบด้านลบที่จะตามมา
รวมทั้งมีมาตรการรับมือกรณีไม่คาดฝัน เช่น เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เก็บภาษีไม่เข้าเป้า เป็นต้น
ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างมีราคา ราคาที่ต้องจ่ายด้วยการต่อสู้ฝ่าฟันเรียกร้อง จ่ายด้วยเลือดเนื้อชีวิต
พอได้มาแล้ว ยังต้องปกป้องหวงแหนต่อไป พยายามทำให้ดำรงอยู่ให้นานที่สุด
สำหรับสังคมไทยเรานั้น ก็อยากได้สวัสดิการดีๆกับเขาเหมือนกัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่อยากจ่าย ไม่ลุกขึ้นมาสู้เรียกร้องเอง
รอฟ้ารอฝนไปวันๆ รอใครสักคนที่มีอำนาจพอจะบันดาลให้ หรือปล่อยให้คนส่วนน้อยเคลื่อนไหวสู้เพียงลำพัง
ถ้าเขาทำสำเร็จก็รอรับผลประโยชน์ตามไปด้วย ถ้าเขาทำไม่สำเร็จก็แล้วไป
คงเพราะได้มาง่ายเกินไปหรือไม่รู้ว่าตัวเองจ่ายอะไรไปบ้าง ถึงไม่เห็นคุณค่า
ครั้นได้มาแล้วก็ไม่รักษาไม่ดี พอมีปัญหาจะโดนทำลายทิ้ง ก็ไม่ออกมาปกป้องกัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนส่วนน้อยเหมือนเดิม
ไอ้ที่ร้ายสุดดันไปเชื่อพวกที่จะทำลายผลประโยชน์ของตนเองซะสนิทใจ
อะไรทำให้เราเป็นเช่นนั้น หรือเพราะเราไม่รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตัวเอง
เรามีหน้าที่ให้ปฎิบัติ เรามีสิทธิให้รักษา แต่ดูเหมือนที่ผ่านมาเราใช้ทั้งคู่ได้ไม่ดีเท่าไรนัก