วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

วิกฤติหุ่นยนต์แย่งงานมนุษย์อาจมาไวกว่าที่คิด



ย้อนไปเมื่อตอนต้นปี 2017 บิลล์ เกตต์ ออกมาเสนอแนวคิดเก็บภาษีหุ่นยนต์  Bill Gates: We should tax the robot that takes your job  ผมรู้สึกขำขำในใจ  "โถ  เฮีย... ใครๆก็อยากใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนเพื่อลดต้นทุนธุรกิจ แต่เฮียดันมาเสนอไอเดียภาษีงี้  ใครเขาจะเอากับเฮียครับ"

แต่หลังจากอ่านข่าวนี้จบ Next Leap for Robots: Picking Out and Boxing Your Online Order   (เนื้อหาข่าวพูดถึง หุ่นยนต์สามารถทำงานคลังสินค้าได้แล้ว)    ผมชักเริ่มเข้าใจความคิดของบิลล์ เกตต์มากขึ้น วิกฤติหุ่นยนต์แย่งงานมนุษย์อาจมาไวกว่าที่คิด
ช่วงยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม โลกเราเคยกังวลปัญหาแนวนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง  กลัวเครื่องจักรจะแย่งงาน แต่สุดท้ายมนุษย์ก็ยังมีงานทำ เครื่องจักรแค่มาช่วยอำนวยความสะดวก ผลิตผลงานได้มากขึ้น แต่ครั้งนี้นี่สิ มันมีแนวโน้มที่จะทำให้หลายอาชีพต้องตกงานกันเป็นแถว

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Internet มันเปลี่ยนโลกที่เราเคยรู้จักให้หมุนไวขึ้น  องค์ความรู้ต่างๆถ่ายทอดเรียนรู้กันได้อย่างกว้างไกลง่ายขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาเป็นไปอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ให้สามารถนำไปใช้งานได้จริง  เขยิบเข้ามาเป็นเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวันมากขึ้น  ผู้เชี่ยวชาญเคยประเมินไว้ว่าอีกยี่สิบปีเราจะโดนหุ่นยนต์แย่งงาน   แต่ตอนนี้ถ้าให้ประเมินใหม่ เชื่อได้เลยว่าได้ระยะเวลาที่สั้นกว่าของเดิมหลายเท่า


เราควรเริ่มตระหนักคิดถึงเรื่องนี้กันได้แล้ว   อย่าย่ามใจว่าสายอาชีพตัวเองจะไม่ได้รับผลกระทบ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดมีความต้องการบุคลากรทางด้านIT เป็นอย่างสูง  อินเดียถือเป็นเบอร์หนึ่งของวงการเนื่องจากข้อได้เปรียบเรื่องภาษา และค่าจ้างที่มีราคาถูก  รวมทั้งภาครัฐส่งเสริม จึงมีการเร่งผลิตแรงงานที่มีทักษะด้านIT ปัอนเข้าสู่ตลาดโลก แต่ปัจจุบันนี้อินเดียกำลังเกิดวิกฤติคนIT ตกงาน  มันเป็นไปได้ยังไง? โลกเรากำลังขับเคลื่อนพัฒนาไปด้วยIT แต่ทำไมคนที่ทำงานสายนี้โดยตรงดันมาตกงานซะงั้น!?

เกือบทุกบทความของนักวิเคราะห์หลายท่านต่างฟันธงไปที่ว่าเกิดจากทักษะแรงงานIT อินเดียไม่เพียงพอ ความสามารถไม่ถึง    สาเหตุนี้ก็ถูกต้องครับ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะพูดถึงใน Entry นี้ เพราะมันเป็นเรื่องกระบวนการคัดสรรโดยธรรมชาติ ใครๆก็อยากได้คนเก่ง  อยากได้เบอร์หนึ่งหัวกะทิไปทำงาน

แต่ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ IT อินเดียตกงาน เกิดจากโดนปัญญาประดิษฐ์แย่งงานด้วยนะครับ
เป็นเรื่องที่ขำไม่ออก เช่น  กรณีงาน  Help Desk Call Center ที่บริษัทชาติตะวันตกมักจะใช้บริการจากอินเดีย  แต่เดี๋ยวนี้หลายบริษัทเปลี่ยนไปใช้ Chat Bot กันแทน  ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ้างคนมาตอบคำถาม  

คิดแล้วมันน่าน้อยใจ งานสายอาชีพIT  พึ่งเกิดมาได้ไม่กี่สิบปี ก็มาเจอวิกฤตินี้ซะแล้ว แถมโดนก่อนใครเพื่อน


มันยากที่จะหลี่กเลี่ยง ที่จะไม่ให้หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาทำงานแทนมนุษย์   ผมว่าทุกวงการโดนเกือบหมดล่ะครับ
ที่แน่ๆตามข่าวที่ผมแปะ Link ไว้  งานโกดังสินค้าไม่กี่ปีต่อไปนี้คงเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์ทำงานกันหลายเจ้า  อย่างไวสุดปีหน้า
เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมอ่านข่าวผ่านตา ธนาคารเริ่มใช้ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ทำงาน ต่อไปนายธนาคารจะตกงานกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ดูกันต่อไป

เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับพัฒนาขึ้นทุกวัน  ถ้าสมบุรณ์แบบเมื่อไร คนขับรถได้ตกงานกันระนาวแน่
มีบางรัฐในสหรัฐอเมริกา เริ่มเขียนกฎหมายมารองรับเรื่องรถยนต์ไร้คนขับ  แต่บางประเทศก็ต่อต้านเช่น อินเดีย เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้เกิดปัญหาคนว่างงานตามมาขึ้นมากมาย

ต่อไปโลกเราจะเป็นยังไงหนอ  ถึงตอนนั้นไอเดียภาษีหุ่นยนต์ของเฮียบิลล์ เกตต์ จะเอามาใช้งานปฎิบัติได้จริงไหม    
วิกฤติว่างงานจะหนักขนาดไหน หรือเป็นเรื่องกังวลเกินเหตุเหมือนครั้นยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม
ผมได้แต่หวังว่ามันจะเป็ํนแค่เรื่องกังวลเกินเหตุ  แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับงานนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน


เครดิตรูปภาพ : Bench Accounting Alex Knight